top of page

ชีวิตจะชัดเจน ต้องใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ จาก ESSILOR


สวัสดีค่ะ

สำหรับใครที่ติดตามเพจ และรีวิวเกตุอยู่แล้วคงเห็นแล้วว่า เกตุใส่แว่นสายตาเป็นประจำ เพราะสายตาสั้นนั่นเองค่ะ วันนี้เกตุเลยจะมาคุยถึงเรื่องปัญหาสายตา และแว่นตาอันใหม่ที่เพิ่งไปตัดมาด้วยค่ะ

รูปนี้สมัยเรียนมัธยมนะคะ หน้าแป้นมากค่ะ

รูปนี้สมัยเรียนมัธยมนะคะ หน้าแป้นมากค่ะ

เกตุเริ่มใส่แว่นตั้งแต่เรียนประถมนะคะ ตัดแว่นครั้งแรกก็สายตาสั้น ปาเข้าไป 350 แล้วค่ะ แล้วก็ค่อยๆเพิ่มตามระยะเวลา แต่ว่าสายตาข้างขวาจะสั้นเพิ่มน้อยกว่าข้างซ้ายค่ะ

พอมาช่วงทำงานก็จะเริ่มมีการใส่คอนเทคส์เลนส์ค่ะ เพราะแว่นตาเกตุ เลนส์ค่อนข้างหนามากค่ะ(สั้นเพิ่มมาเป็น 450 ล่ะ) ใส่นานๆก็หนัก กดดั้งจมูกจนเป็นรอยเลยค่ะ เลยเลือกที่จะใสคอนเทคส์เลนส์เวลาทำงาน ส่วนอยู่บ้านก็ใส่แว่นตามปกติ ไม่มีตอนไหนที่จะไม่ใส่แว่นหรือคอนเทคส์นะคะ เพราะสายตาสั้นมาก ไม่ใส่คือมองไม่ชัดเลย

จะอ่านอะไรแบบนี้ต้องถอดแว่นหรือไม่ก็มองลอดแว่นเอาค่ะ

ที่นี่ปัญหามันก็มาเกิดตอนอายุเลยสี่สิบเข้ามานี่แหละค่ะ เพราะสายตาน่าจะเริ่มยาว คือมีอาการ มองไกลก็ไม่เห็น มองใกล้ก็ไม่ชัด ใส่แว่นที่ใส่ปกติอยู่ แต่พอจะอ่านหนังสือ หรือดูมือถือต้องถอดแว่นออกค่ะ ไม่งั้นมันเบลอ โฟกัสตามันไม่ได้ อ่านไม่ได้เลย ที่นี่พอจะอ่านอะไรยิ่งตัวเล็กๆนะ ต้องถอดแว่น หรือก้มหน้าแล้วเหลือบตาขึ้นเพื่ออ่าน โห...คือดูแก่มากอะ เสียบุคคลิกภาพด้วย แถมการเหลือบแบบนี้ ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตา หว่างคิ้ว หน้าผากทำงานเพิ่มขึ้น เป็นที่มาของริ้วรอยด้วยนะคะ

และด้วยการที่สายตาเราเปลี่ยนตามวัย และเราใส่แว่นตาที่มันไม่ตรงกับค่าสายที่เราเป็นอยู่ มันส่งผลให้เรามีอาการปวดเบ้าตา ปวดหัว จนต้องพกยาแก้ปวดติดกระเป๋าไว้เลยค่ะ ซึ่งอาการปวดแบบนี้ อาจส่งผลให้เป็นไมเกรนได้ด้วยนะคะ

ทีแรกเกตุว่าจะรอไปตัดแว่นปีหน้า แต่ด้วยอาการปวดหัว ปวดตา ที่มีบ่อยขึ้น เลยตัดสินใจว่าตัดแว่นใหม่เลยก็ดี แต่ก็ต้องหาข้อมูลเพื่อที่จะไปตัดแว่นสายตาอันใหม่ก่อนค่ะ เพราะอย่างที่เราเห็นๆกัน แว่นตาแต่ละอันไม่ใช่ราคาถูกๆ และตัดทีมันต้องอยู่กับเราไปอีกเป็นปีๆ

เลนส์สองชั้น ใส่ปุ๊บดูมีอายุปั๊บ

เมื่อก่อนพูดถึงแว่นสายตายาว หรือแว่นอ่านหนังสือ เราก็จะคุ้นกับแว่นสองชั้น ที่ในเลนส์จะมีการแบ่งครึ่ง ที่เราสามารถมองเห็นได้ชัด

ครึ่งบนสำหรับมองระยะไกล ครึ่งล่างสำหรับมองระยะใกล้ เช่นอ่านหนังสือ คนที่ใส่เลนส์แบบนี้ก็ต้องคอยเหลือบตาลง หรือก้มหน้าลงเล็กน้อยเวลาจะมองใกล้ๆ

ซึ่งถ้าเห็นใส่แว่นแบบนี้บอกเลย ดูแก่มาก ถึงอายุไม่เยอะก็จะดูมีอายุขึ้นมาเลยค่ะ

หรือบางคนพกแว่นสองอัน ใส่อันนึงปกติ แต่เวลาจะอ่านหนังสือก็หยิบอีกอันมาเปลี่ยน เกตุว่าชีวิตมันดูยุ่งยากไปนิดค่ะ ไม่สะดวกด้วย

ภาพแสดงความแตกต่างระหว่างเลนส์สองชั้นกับโปรเกรสซีฟเลนส์

และด้วยความที่ไม่อยากดูแก่ เลยคิดว่าต้องหาแว่นที่ใส่แล้วพลางอายุ แล้วตอบสนองทุกค่าสายตาในเลนส์อันเดียว ก็พบว่า แว่นโปรเกรสซีฟ คือคำตอบค่ะ

จากภาพจะเห็นว่า ซ้าย คือเลนส์แบบสองชั้น ซึ่งจะสำหรับการมองไกล และมองใกล้

ส่วนขวา คือเลนส์แบบโปรเกรสซีฟ ที่จะมีมุมมองครอบคลุมทุกระยะคือด้านบน สำหรับมองระยะไกล เช่นขับรถ ตรงกลาง สำหรับมองระยะกลาง เช่นเดินเล่น และด้านล่าง สำหรับมองใกล้ เช่นอ่านหนัง เล่นมือถือ ส่วนด้านข้างเลนส์จะเป็นจุดที่อาจทำให้เกิดภาพบิดเบือน

ที่สำคัญเลนส์โปรเกรสซีฟ เป็นเลนส์หลายระยะแบบไร้รอยต่อ ทำให้เนื้อเลนส์เหมือนเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด ใส่แล้วจึงไม่ดูแก่แม่ป้าแน่นอนค่ะ

เหมือนทาง เอสซีลอร์ จะรู้ หรือโชคจะเข้าข้าง ทางเอสซีลอร์ได้ติดต่อมาให้ไปทดสอบวัดค่าสายตาเพื่อที่จะตัดแว่นโปรเกรสซีฟเลนส์ให้ค่ะ ถือว่าโชคดีมากค่ะ

เพราะว่าเป็นเอสซีลอว์ เลยมั่นใจว่าต้องได้แว่นตาที่มีคุณภาพเลนส์ที่ดีแน่นอน เพราะเค้ามีชื่อเสียงด้านนี้อยู่แล้ว ร้านแว่นตาแทบทุกร้านต้องมีเลนส์ของเอสซีลอร์ไว้บริการลูกค้าค่ะ

 

และเมื่อวันนัดมาถึง ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เอากรอบแว่นมาให้ลองหลายอันเลยค่ะ

เนื่องจากแว่นเป็นโปรเกรสซีฟ เราก็ต้องมาเลือกกรอบแว่นให้เหมาะกับลักษณะเลนส์ โดยกรอบแว่นที่เหมาะกับการใช้โปรเกรสซีฟเลนส์ มีดังนี้ค่ะ

- กรอบแว่นต้องมีแป้นจมูก จะได้ปรับแต่งได้ง่าย เพราะจะต้องทำการปรับแต่งให้เหมาะกับระยะของสายตา ของการมอง

- กรอบแว่นต้องไม่ใหญ่เกินไป เพราะยิ่งขนาดแว่นที่ใหญ่มากขึ้นเท่าไร ก็จะทำให้มุมด้านข้างบิดเบือนมากขึ้นเท่านั้น และสำหรับเกตุที่สายตาสั้นมากๆ ยิ่งแว่นใหญ่ก็จะทำให้เห็นความหนาของเลนส์มากขึ้น

- กรอบแว่นต้องไม่เล็กเกินไป เพราะในเลนส์เดียวจะมีสามระยะการมอง กรอบที่เล็กไปอาจทำให้ระยะการมองไม่ดีเท่าที่ควร

- กรอบแว่นต้องกระชับพอดี ไม่เลื่อนหล่น เพราะถ้าแว่นไม่พอดี มีการเลื่อนก็จะทำให้มุมมอง โฟกัสไม่ถูกต้องด้วยตามจุดการมองของสายตา

- กรอบแว่นควรมีน้ำหนักเบา เพราะจะได้ใส่สบายไม่กดจมูก

- กรอบแว่นไม่ควรมีองศาโค้งเกินไป เพราะจะทำให้มุมมองด้านข้างบิดเบือนมากขึ้น

ลองไปหลายอันเลยค่ะ จริงๆเกตุชอบอันบนด้านซ้ายมือนะคะ ใส่แล้วหน้าดูไบรท์ดี แต่ติดที่ว่า มันค่อนข้างใหญ่มาก และกรอบบางด้วย ถ้าเลือกอันนั้นก็จะเห็นเลนส์หนามาก และด้านข้างที่เห็นภาพบิดเบือนก็จะมากขึ้นค่ะ

สรุป เลยได้อันบนด้านขวามือค่ะ กรอบของ Bolon ลายกระ น้ำหนักก็เบาค่ะ มีกรอบหนานิดนึงจะได้ช่วยอำพรางความหนาของเลนส์ แถมใส่สบายด้วยค่ะ

นี่คือกรอบแว่นที่เกตุเลือกค่ะ กรอยลายกระกับสีพิงค์โกลด์

หลังจากเลือกกรอบเราก็มาวัดค่าสายตา ซึ่งการตัดแว่นแบบโปรเกรสซีฟเลนส์ บอกเลยว่าวัดละเอียดมากกกกกกกค่ะ ไม่ใช่แค่วัดค่าสายตา แต่ยังวัดระยะม่านตาทั้งสองข้างด้วย เพราะว่าเลนส์ที่จะตัดต้องได้พอดีกับการมองของลูกตาเราค่ะ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงเลยค่ะ

เจ้าหน้าที่แจ้งว่าแว่นที่จะตัดให้เป็น เลนส์โปรเกรสซีฟ Varilux ซึ่งเป็นเลนส์โปรเกรสซีฟคุณภาพสูงจากประเทศฝรั่งเศส และเลนส์วารีลักซ์ยังเป็นโปรเกรสซีฟคู่แรกของโลก คิดค้นในประเทศฝรั่งเศสโดยนักวิจัยของเอสซีลอร์ค่ะ

ตื่นเต้นอยากให้ถึงวันมาเอาแว่นไวๆค่ะ

 

ครั้งแรกกับแว่นตาโปรเกรสซีฟ

หลังบัตรรับประกันเลนส์แว่น จะมีค่าสายตาระบุด้วยนะคะ

ก่อนอื่นเรามาดูค่าสายตาของเกตุกันค่ะ จะเห็นว่า

ข้างขวา สั้น(SPH) 450 , เอียง(CYL) 100 ที่มุม(Axis) 180 องศา

ข้างซ้าย สั้น(SPH) 700 , เอียง(CYL) 75 ที่มุม(Axis) 170 องศา

ค่าสายตา ดูใกล้ ที่เกิดจากอาการสายตายาว(Add) ซึ่งจำเป็นต้องใส่แว่นที่เพิ่ม Power ในการมอง ทำให้เห็นภาพในระยะใกล้ได้ดี คือ 175

ค่าระยะห่างระหว่างรูม่านตา (PD) ขวา 31.5 , ซ้าย 33

ค่าระยะห่างรูม่านตากับขอบเลนส์ด้านข้าง (PH) ขวา/ซ้าย 30.5

ได้แล้วแว่นใหม่ พร้อมใบรับประกันเลนส์และกรอบแว่น

จะเห็นได้ว่าค่าสายตาเกตุซ้ายกับขวาค่อนข้างต่างกันมาก เวลามองจึงอาจเกิดความวูบวาบได้มาก จึงต้องเลือกเลนส์ที่เหมาะสมกับสภาพสายตา โดยเลนส์ที่เกตุใช้ จะเป็น เลนส์โปรเกรสซีฟ วารีลักซ์ พีซีโอ 3.0 ซึ่งจะให้ความสบายตานุ่มนวลเป็นพิเศษในทุกระยะ วิเคราะห์ค่าสายตาทั้งซ้ายและขวา เพื่อช่วยให้การเปลี่ยนระยะโฟกัสการมองได้อย่างรวดเร็ว และนุ่มนวลเป็นพิเศษ

นอกจากนี้เลนส์อันนี้ยังช่วย ลดแสงสะท้อน 360 องศา / ปกป้องรอยขีดข่วนมากกว่าเดิม 2 เท่า / ปกป้องรังสียูวี 35 เท่า / ลดรอยนิ้วมือบนผิวเลนส์ / ลดการเกาะของหยดน้ำ / ลดปัญหาฝุ่นจับหน้าเลนส์

ภาพแว่นตาที่เกตุเลือกของ Bolon ขนาดเลนส์ที่เกตุใช้เป็นแบบย่อบางแล้ว

ก็ยังเห็นความหนาเกินกรอบอยู่ค่ะ

เอสซีลอร์เขามีเทคโนโลยีในการออกแบบให้ปรับการมองเห็นได้ง่าย จึงสบายตา และได้ทัศนวิสัยคมชัดทุกระยะการมอง จากใกล้ถึงไกล

คนมักเข้าใจผิดใช้แว่นอ่านหนังสือเพื่อแก้ปัญหาสายตายาวตามวัย ซึ่งจริงๆแล้ว การใส่แว่นแบบนั้นช่วยแก้ไขระยะมองใกล้ ระยะเดียวเท่านั้น ซึ่งความจริงในชีวิตประจำวัน เรามองหลายระยะสลับไปมาทั้งวัน จึงควรมีแว่นที่ช่วยให้การมองเห็นลื่นไหลทุกระยะเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ

"ครั้งแรกที่ใส่"

เกตุจะมีปัญหากับการมองระยะกลาง มันจะเบลอเล็กน้อย ต้องขยับหน้าบ้างเพื่อหาโฟกัสที่ชัด แต่ใส่สักพัก สัก3-4 ชั่วโมง ระยะนี้ก็ดีขึ้นนะคะ

ชอบตรงมองไกลชัดเจนขึ้นมาก มองใกล้ก็ไม่ต้องถอดแว่นเพื่อจะอ่านข้อความแล้วค่ะ ดีงาม...

"วันแรกที่ใส่"

ทำความคุ้นเคยกันสักพัก เริ่มปรับตัวเข้าหา แต่ก็ยังเจอกับมุมมองเวลาเดินมองพื้น หรือลงบันได อันนี้ต้องปรับอีกสักพักค่ะ จะลงบันไดเร็วๆแบบเมื่อก่อนยังไม่ได้ เพราะมันยังไม่ชิน

ปกติเวลามองเกตุจะใช้ลูกตามอง อย่างการเหลือบมอง ทั้งด้านข้าง ด้านล่าง ด้านบน ซึ่งพอใส่แว่นโปรเกรสซีฟ ถ้าเหลือบแบบเดิมมันจะมีภาพวูบไหวเกิดขึ้น หรือการหันก็จะทำเห็นภาพผิดปกติไปบ้างค่ะ ก็ต้องปรับตัว

"ผ่านไปสองวัน"

ก็เริ่มปรับตัวได้ดีขึ้น เดินเหินสบายขึ้น ไม่เกร็งเหมือนวันแรกๆ ทำงานมองจอ อ่านหนังสือ เล่นมือถือได้ดีมากค่ะ ใครที่ใส่โปรเกรสซีฟควรใส่ให้ติดหน้าไว้เลยนะคะ อย่าใส่ๆ ถอดๆ อย่าใส่สลับกับแว่นอื่น เพราะมันจะปรับตัวช้า (ยกเว้นตอนนอนถอดแว่นได้ค่ะ)

ใครที่มีปัญหาสายตาเริ่มยาวแบบเกตุ และต้องการหาแว่นเลนส์โปรเกรสซีฟดีๆสักอัน แนะนำให้เลือกเลนส์วารีลักซ์ ของเอสซีลอร์ค่ะ ลองเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/essilorkatemoko

และค้นหาร้านค้าได้ที่นี่ http://bit.ly/essilorkatemokostore

ที่หน้าเว็บจะบอกชื่อร้านว่าหาซื้อได้ที่ไหน และมีรายชื่อร้านตัวแทนขายให้หาด้วย google map ผ่านเว็บได้เลยค่ะ

แต่จริงๆแล้ว 99% ของร้านแว่นที่เราพบเห็นก็ขายเลนส์ Essilor ทั้งนั้นนะคะ แค่ไปที่ร้านและบอกว่าเลือกเลนส์ของเอสซีลอร์ก็พอแล้วค่ะ

ใครที่สายตาสั้น สายตายาว ต้องใส่แว่นทั้งวันแบบเกตุ แว่นมันก็เหมือน อวัยวะส่วนหนึ่งนะคะ ขาดไปก็มองไม่ชัด สายตามันจะเบลอ เหมือนชีวิตที่ขาดเธอ ก็จะไม่ค่อยชัดเจน และ ถ้าอยากชัดเจนต้องเลนส์โปรเกรสซีฟจากเอสซีลอร์นะคะ


Follow

  • Facebook
  • Instagram

Contact

BEAUTY BLOGGER

Address

Bangkok, Thailand

©2017 BY KATEMOKO_SO YOUNG. PROUDLY CREATED WITH WIX.COM

bottom of page